เพลี้ย (Aphids) พืชที่สร้างความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรอย่างมาก โดยเฉพาะในพืชผัก ไม้ผล และ ไม้ดอก การควบคุมเพลี้ยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เกษตรกร ให้ความใส่ใจ แต่หากใช้ไม่ถูกต้องอาจก่อให้เกิดอันตรายทั้งต่อผู้ใช้ ผู้บริโภค
เพลี้ยเป็นแมลงขนาดเล็กที่มีลำตัวอ่อนนุ่ม มักมีสีเขียว ดำ น้ำตาล หรือ ขาว ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ พวกมันมักปรากฏตัวเป็นกลุ่มใหญ่บนใบ ยอดอ่อน หรือ กิ่งของพืช โดยเฉพาะพืชผัก ไม้ผล และ ไม้ดอก เช่น กุหลาบ มะเขือเทศ และ ถั่ว เพลี้ยยังไม่เพียงแต่ดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืช แต่ยังเป็นพาหะของไวรัสพืชที่อาจทำให้เกิดโรคระบาดในพืชผลได้ นอกจากนี้ ยังผลิตน้ำหวาน (honeydew) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดเชื้อราดำ (sooty mold) ที่ทำให้พืชดูไม่สวยงาม และ อาจลดประสิทธิภาพการสังเคราะห์แสง
ดังนั้นการควบคุมเพลี้ยจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเกษตรกร แต่การใช้ยากำจัดเพลี้ยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพของผู้ใช้ และ ระบบนิเวศโดยรวม
ยากำจัดเพลี้ยมีหลากหลายประเภท ตั้งแต่ยาเคมี สารชีวภาพ ไปจนถึงวิธีธรรมชาติ การเลือกใช้ยาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการระบาด ชนิดของพืช และ เป้าหมายในการจัดการศัตรูพืช
ในการเลือกใช้ยากำจัดเพลี้ยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหาร และ ยา (อย.) หรือ กรมวิชาการเกษตร เพื่อให้มั่นใจได้ว่าได้ยากำจัดเพลี้ยที่ได้มาตรฐานมีความปลอดภัย อีกทั้งควรอ่านฉลาก และ คำแนะนำอย่างละเอียดก่อนใช้งานทุกครั้งเพื่อให้การใช้งานมีประสิทธิภาพ รวมถึงควรเลือกชนิดยาให้เหมาะสมกับพืช และ แมลงเป้าหมายเพื่อให้การใช้งานตรงจุดที่สุด และควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีอันตรายสูง หรือ มีแนวโน้มตกค้างในผลผลิต ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ใช้ และ ผู้บริโภคมีอันตรายได้
หากต้องการใช้ยากำจัดเพลี้ยก่อนใช้งานควรเลือกรู้วิธีการใช้งานที่เหมาะสม โดย ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) เช่น หน้ากากกันสารเคมี ถุงมือ แว่นตา และ เสื้อผ้ามิดชิด จากนั้นในขั้นตอนการผสมยาให้ผสมยาในที่โล่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก รวมถึงให้ใช้อุปกรณ์พ่นยากำจัดเพลี้ยที่อยู่ในสภาพดี ไม่มีการรั่วซึมใดๆ ในขณะพ่นยาให้พ่นในขณะอากาศสงบ ไม่มีลมแรง เพื่อลดการฟุ้งกระจาย
โดยห้ามรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ หรือ สูบบุหรี่ระหว่างการพ่นยาใดๆ หลังจากพ่นเสร็จให้อาบน้ำ และ เปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีหลังการพ่นยาทุกครั้ง
ในการใช้ยากำจัดเพลี้ยหากใช้ไม่เหมาะสมอาจจะมีผลกระทบมากมาย โดย อาจเกิดพิษเฉียบพลันกับผู้ใช้ เช่น คลื่นไส้ เวียนหัว หายใจลำบาก อีกทั้งยังอาจเกิดการตกค้างในผลผลิต ทำให้เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค รวมถึงยังทำลายศัตรูทางธรรมชาติของเพลี้ย เช่น แมลงเต่าทอง ซึ่งจะทำให้เพลี้ยกลับมาเร็วขึ้น และ ยังทำให้มีสารพิษปนเปื้อนแหล่งน้ำ และ ในสิ่งแวดล้อมที่จะสะสมในดิน ทำให้ดินเสื่อมคุณภาพในระยะยาวได้ นั้นเอง
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าการใช้ยากำจัดเพลี้ยอย่างปลอดภัยต้องอาศัยความรู้ ความระมัดระวัง และการปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด การเลือกยาที่เหมาะสม การเตรียมตัวก่อนใช้งาน การฉีดพ่นอย่างถูกวิธี และ การจัดการหลังใช้งาน ล้วนเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ และ สิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การใช้แนวทางการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน (IPM) เช่น การใช้ศัตรูธรรมชาติ สารสกัดจากพืช หรือ การปรับสภาพแวดล้อม จะช่วยลดการพึ่งพายาเคมี และ ส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืนได้ โดยการป้องกันการระบาดตั้งแต่แรก และ การตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอยังจะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาพืชผลให้ปลอดภัยจากเพลี้ยอีกด้วย
ดังนั้นหากต้องการใช้ยากำจัดเพลี้ยที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพนั้นเราขอแนะนำ บริษัท เคมแฟค จำกัด ซึ่งมีการนำเข้าผลิตภัณฑ์เคมีเกษตร และ ยากำจัดแมลงศัตรูพืช อีกทั้งยังมี ยาฆ่าแมลง ยากำจัดเพลี้ย ยาฆ่าหนอน ยาคุมหญ้าในนาข้าว ยาฆ่าหญ้า และ ยาฆ่าหญ้าในนาข้าว ที่มีคุณภาพที่ผ่านมาตรฐาน ISO 9001 และ ISO/IEC 17025 รายแรกของไทย จึงมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์เคมีของเราสามารถป้องกันกำจัดแมลง โรคพืช วัชพืช ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน
โรงงาน บริษัท เคมแฟค จำกัด
990 นิคมอุตสาหกรรมบางปู หมู่ 2
ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ 10280
โทร. 02-709-2597-8 แฟกซ์: 02-709-6784
สำนักงาน บริษัท เคมแฟค จำกัด
68 ซ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 34
แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. 10250
โทร. 02-7267498-99 แฟกซ์: 02-709-6784