ยาฆ่าหญ้าดูดซึมออกฤทธิ์นานแค่ไหน? ใช้ยังไงให้ได้ผลดีที่สุด

ยาฆ่าหญ้าดูดซึมออกฤทธิ์นานแค่ไหน? ใช้ยังไงให้ได้ผลดีที่สุด

รวมเทคนิคการใช้ยาฆ่าหญ้าดูดซึมให้ได้ผลดีที่สุด

ปัญหาหญ้าซึ่งเป็นวัชพืชที่ถือเป็นศัตรูตัวสำคัญของเกษตรกร เพราะนอกจากจะแย่งอาหาร น้ำ และแสงแดดจากพืชหลักแล้ว ยังทำให้ผลผลิตลดลง และ เพิ่มภาระในการจัดการอย่างต่อเนื่อง ยาฆ่าหญ้าดูดซึม จึงกลายเป็นตัวช่วยสำคัญในภาคเกษตรสมัยใหม่ ที่จะช่วยกำจัดวัชพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ลดภาระการใช้แรงงานลงอย่างมาก แต่เกษตรกรหลายๆคนอาจสงสัยว่า ยาฆ่าหญ้าดูดซึมออกฤทธิ์นานแค่ไหน? ต้องใช้ยังไงถึงจะได้ผลดี และ ปลอดภัย? ดังนั้นบทความนี้เราจะพาไปรู้จักชนิดของยาฆ่าหญ้าดูดซึม หลักการทำงาน ระยะเวลาการออกฤทธิ์ ตลอดจนเทคนิคการใช้อย่างมืออาชีพเพื่อให้สามารถใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ทำความเข้าใจกับ ยาฆ่าหญ้าดูดซึม คืออะไร

ต้องเข้าใจก่อนว่ายาฆ่าหญ้าดูดซึม (Systemic Herbicide) คือ สารเคมีกำจัดวัชพืชที่สามารถซึมเข้าสู่ร่างกายของหญ้าผ่านทางใบ ก้าน หรือ ราก แล้วเคลื่อนย้ายไปยังส่วนต่าง ๆ ของต้น เช่น ลำต้น และราก เพื่อยับยั้งกระบวนการเจริญเติบโต ทำให้หญ้าตายทั้งต้นในที่สุด โดยจุดเด่นของยาฆ่าหญ้าดูดซึม คือ สามารถกำจัดหญ้าได้ลึกถึงราก ไม่เพียงแค่ส่วนที่เห็นบนดิน จึงช่วยลดการงอกซ้ำในระยะเวลานานได้อีกด้วย

 

ประเภทของยาฆ่าหญ้าดูดซึม

  1. ยาฆ่าหญ้าชนิดไม่เลือกทำลาย (Non-selective Herbicide)
    ยาฆ่าหญ้าชนิดนี้สามารถฆ่าพืชทุกชนิดที่สัมผัสยาได้ จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการเคลียร์วัชพืชทั้งหมด เช่น ทางเดินในสวน พื้นที่เตรียมปลูก หรือ บริเวณรอบโรงเรือน ตัวอย่างสารออกฤทธิ์ได้แก่: ไกลโฟเสต (Glyphosate), กลูโฟซิเนต (Glufosinate)

  2. ยาฆ่าหญ้าชนิดเลือกทำลาย (Selective Herbicide)
    ยาฆ่าหญ้าชนิดเลือกทำลายสามารถฆ่าหญ้าบางชนิดได้โดยไม่กระทบต่อพืชหลัก เช่น ใช้กำจัดหญ้าใบแคบในนาข้าว หรือ หญ้าใบกว้างในไร่ข้าวโพด ตัวอย่างสารออกฤทธิ์ เช่น ฟีนอกซีแอซิติก (2,4-D), อะทราซีน (Atrazine)

 

กลไกการทำงานของยาฆ่าหญ้าดูดซึม

เมื่อเราฉีดยาฆ่าหญ้าลงบนใบ หรือ ส่วนที่อ่อนของหญ้า ยาจะถูกดูดซึมเข้าสู่เนื้อเยื่อพืช จากนั้นยาจะเคลื่อนย้ายไปยังจุดเจริญ (Meristem) หรือ ราก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการเติบโต โดยสารออกฤทธิ์จะเข้าไปยับยั้งเอนไซม์ที่จำเป็นต่อกระบวนการสังเคราะห์อาหาร ทำให้หญ้าไม่สามารถผลิตโปรตีน และพลังงานได้ ในที่สุดพืชจะค่อย ๆ เหี่ยว และ ตายทั้งต้น นั้นเอง

 

ยาฆ่าหญ้าดูดซึมออกฤทธิ์นานแค่ไหน?

คำตอบนี้ขึ้นอยู่กับ ชนิดของสารออกฤทธิ์ยาฆ่าหญ้า สภาพแวดล้อม และ ชนิดของหญ้า โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งออกได้ดังนี้

  1. ระยะเวลาเริ่มเห็นผล 
    สำหรับช่วงเวลาของยาฆ่าหญ้า นั้น 13 วันแรก จะทำให้ใบหญ้าเริ่มเหลือง และ หยุดการเจริญ แต่ต่อมา 510 วันหลังจากนั้นหญ้าจะเริ่มแห้ง และ ตายลงจากยอดถึงราก

  2. ระยะเวลาที่ตัวยาคงฤทธิ์ในดิน
    โดยทั่วไปแล้ว ยาฆ่าหญ้าดูดซึมจะไม่คงอยู่ในดินนาน เนื่องจากยาจะออกฤทธิ์ภายในต้นหญ้า แต่ในยาฆ่าหญ้าบางชนิด เช่น อะทราซีน หรือ ไกลโฟเสต อาจมีผลตกค้างในดินประมาณ 730 วัน แล้วจึงสลายตัวตามธรรมชาติไป

  3. ปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาการออกฤทธิ์
    สุดท้ายปัจจัยอื่นๆที่อาจส่งผลต่อยาฆ่าหญ้า เช่น สภาพอากาศ โดยอุณหภูมิ และ ความชื้นจะมีผลต่อการดูดซึมของพืช , ช่วงเวลาฉีดพ่น หากฉีดช่วงแดดแรงเกินไป ยาอาจระเหยเร็วกว่าปกติ , ปริมาณน้ำฝน หากฝนตกหลังฉีดยาทันที จะทำให้ประสิทธิภาพอาจลดลงได้ และ ชนิดของหญ้า เช่น หญ้าที่มีใบหนา หรือ ขนดกอาจดูดซึมยาฆ่าหญ้าได้ช้า นั้นเอง

วิธีใช้ยาฆ่าหญ้าดูดซึมให้ได้ผลดีที่สุด

 

  1. เลือกใช้ยาฆ่าหญ้าที่เหมาะกับชนิดหญ้า
    ควรศึกษาชนิดวัชพืชในแปลงก่อนการนำไปใช้ เช่น หญ้าคา หญ้าขน หรือ หญ้าแพรก เพื่อเลือกสูตรยาที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในหญ้าแต่ละชนิด

  2. พ่นยาในช่วงเวลาที่เหมาะสม
    ควรพ่นยาฆ่าหญ้าตอนเช้า หรือ เย็น เพื่อให้ใบหญ้ามีความชื้นพอเหมาะ โดยหลีกเลี่ยงการพ่นขณะฝนใกล้ตก หรือ มีลมแรง

  3. ปรับอัตราส่วนให้ถูกต้อง
    ผสมยาฆ่าหญ้าตามคำแนะนำบนฉลาก ไม่ควรใช้ยาที่เข้มข้นเกินไป เพราะอาจทำให้หญ้าไหม้ก่อนยาจะดูดซึมถึงรากได้

  4. ใช้อุปกรณ์พ่นที่เหมาะสม
    หัวฉีดต้องสามารถกระจายละอองได้สม่ำเสมอ และ ไม่ควรใช้ร่วมกับการพ่นสารอื่นๆเพื่อป้องกันการตกตะกอนของยา

  5. ตรวจสอบผลหลังการฉีด
    ควรตรวจสอบหลังฉีดประมาณ 714 วันหลังฉีด ควรตรวจแปลงว่าหญ้าตายหมด หรือ ไม่ หากยังเหลือบางส่วนให้ฉีดซ้ำเฉพาะจุดนั้นๆ

 

ความปลอดภัยในการใช้ยาฆ่าหญ้าดูดซึม

แม้ยาฆ่าหญ้าดูดซึมจะมีประสิทธิภาพสูง แต่หากใช้ไม่ถูกวิธีอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ และ สิ่งแวดล้อม ดังนั้นควรปฏิบัติดังนี้ ควรสวมถุงมือ หน้ากาก และ ชุดป้องกันสารเคมีก่อนฉีดยาฆ่าหญ้า  , ไม่กินอาหาร หรือ สูบบุหรี่ระหว่างผสม หรือ ฉีดยา , ห้ามพ่นทวนกระแสลม หรือ ในบริเวณที่มีพืชเศรษฐกิจใกล้เคียง  , เก็บภาชนะสารเคมีให้ห่างจากเด็ก และ สัตว์เลี้ยง และ สุดท้ายควรล้างมือ และ อุปกรณ์ทุกครั้งหลังใช้งาน นั้นเอง

จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นว่ายาฆ่าหญ้าดูดซึมเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรควบคุมวัชพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุนแรงงาน และ เวลา แต่ต้องเข้าใจหลักการทำงานของยา ชนิดของหญ้า และ ปัจจัยแวดล้อมร่วมด้วย โดยทั่วไปแล้ว ยาฆ่าหญ้าดูดซึมจะเริ่มเห็นผลภายใน 37 วัน และออกฤทธิ์ยาวนานประมาณ 24 สัปดาห์ หากใช้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม และ ปฏิบัติตามคำแนะนำ จะสามารถควบคุมวัชพืชได้ยาวนาน และ ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นหากสนใจยาฆ่าหญ้าเราขอแนะนำ บริษัท เคมแฟค จำกัด ซึ่งมีการนำเข้าผลิตภัณฑ์เคมีเกษตร และ ยากำจัดแมลงศัตรูพืช อาทิ ยาป้องกัน หรือ กำจัดเชื้อโรคต่างๆในพืช เช่น ทุเรียนใบไหม้ อีกทั้งยังมี ยาฆ่าแมลง ยากำจัดเพลี้ยไฟ ยาฆ่าหนอน ยาคุมหญ้าในนาข้าว ยาฆ่าหญ้า และ ยาฆ่าหญ้าในนาข้าว ที่มีคุณภาพที่ผ่านมาตรฐาน ISO 9001 และ ISO/IEC 17025 รายแรกของไทย จึงมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์เคมีของเราสามารถป้องกันกำจัดแมลง โรคพืช วัชพืช ได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน

 

โรงงาน บริษัท เคมแฟค จำกัด
990 นิคมอุตสาหกรรมบางปู หมู่ 2
ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ 10280
โทร. 02-709-2597-8 แฟกซ์: 02-709-6784

สำนักงาน บริษัท เคมแฟค จำกัด
68 ซ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 34
แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. 10250
โทร. 02-7267498-99 แฟกซ์: 02-709-6784 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้