ใช้ยากำจัดเพลี้ยอย่างไรให้ประหยัด และ เห็นผลเร็ว

พ่นยากำจัดเพลี้ยโดยใช้ฟ็อกกี้

แนะนำแนวทางการเลือกใช้ยากำจัดเพลี้ยอย่างไรให้ประหยัด และเห็นผลเร็ว

ปัญหาเพลี้ย เช่น เพลี้ยไฟ, เพลี้ยแป้ง, เพลี้ยอ่อน, เพลี้ยหอย และเพลี้ยจักจั่น ล้วนเป็นศัตรูพืชหลักที่สร้างความเสียหายรุนแรงต่อผลผลิตทางการเกษตรของไทย ทำให้พืชหยุดเติบโต ใบหงิก ผลผลิตลด และอาจยืนต้นตายได้ หากระบาดหนัก ความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้เกษตรกรต้องแบกรับต้นทุนสูง (ทั้งค่ายากำจัดเพลี้ยและผลผลิตที่หายไป) การจัดการเพลี้ยอย่างมีประสิทธิภาพ (เร็ว, ประหยัด, ปลอดภัย) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับชนิดยากำจัดเพลี้ยเท่านั้น แต่ต้องอาศัยการวางแผน การผสม การพ่น การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมและการจัดการแปลงโดยรวม

บทความนี้จะพาไปเจาะลึกตั้งแต่พื้นฐานการรู้จักเพลี้ย หลักการเลือกยากำจัดเพลี้ย เทคนิคการพ่นยาให้มีประสิทธิภาพที่เกษตรกรมืออาชีพนิยมใช้

 

รู้จักเพลี้ยให้ชัด ก่อนจะเลือกวิธีจัดการ

ต้องรู้ก่อนว่าเพลี้ยแต่ละชนิดมีพฤติกรรมต่างกัน การใช้ยากำจัดเพลี้ยให้ประหยัดและเห็นผลเร็ว ต้องเริ่มจากการรู้ศัตรูให้ดีก่อน โดยเพลี้ยมีหลายชนิด ดังนี้

  1. เพลี้ยอ่อน (Aphids)
    จะสามารถดูดน้ำเลี้ยงจากยอดอ่อนได้  ทั้งยังแพร่เชื้อไวรัสได้ และ ชอบอากาศร้อนชื้น และ แสงน้อย

  2. เพลี้ยไฟ (Thrips)
    จะทำให้ใบ และ ดอกเป็นรอยเงิน ซึ่งเป็นปัญหาหลักในพืชผัก พืชใบ และ ไม้ดอก มีความดื้อยาได้ง่ายหากใช้ยาซ้ำๆ

  3. เพลี้ยแป้ง (Mealybugs)
    ลักษณะมีผงสีขาวคล้ายสำลี มักมากับมด ทำให้ควบคุมได้ยาก จึงระบาดหนักในพืชมันสำปะหลัง มะละกอ และ เฟื่องฟ้า เป็นต้น

  4. เพลี้ยหอย (Scale insects)
    เพลี้ยชนิดนี้จะมีเกราะแข็งป้องกันตัว หากใช้ยากำจัดเพลี้ยสัมผัสมักได้ผลได้ไม่ดี จึงต้องใช้ระบบดูดซึมร่วมด้วย

  5. เพลี้ยจักจั่น
    จะคอยดูดน้ำเลี้ยง และ ปล่อยของเสียทำให้ใบเป็นเขม่าดำ อีกทั้งยังเคลื่อนที่เร็ว จึงต้องใช้ยาที่ออกฤทธิ์เร็วในการกำจัด

 

ใช้ยากำจัดเพลี้ยให้ประหยัด ต้องรู้หลักการเลือกยา

การเลือกใช้ยากำจัดเพลี้ยโดยขาดการวางแผน ไม่เพียงแต่จะส่งผลให้สิ้นเปลืองงบประมาณ แต่ยังนำไปสู่ปัญหาการดื้อยาของแมลงในระยะยาว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องและเหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การเพาะปลูกเกิดความคุ้มค่าและได้รับผลผลิตที่มีคุณภาพ มีแนวทาง ดังนี้

  1. ใช้ยาแบบระบบดูดซึม (Systemic) สำหรับเพลี้ยที่หลบใต้ใบ หรือ มีเกราะ ยากำจัดเพลี้ยระบบดูดซึม เหมาะกับ เพลี้ยอ่อน เพลี้ยแป้ง และ เพลี้ยหอย โดยตัวยาที่นิยมใช้ เช่น อิมิดาโคลพริด , ไทอะมีโทแซม และ ไดโนทีฟูแรน ซึ่งมีข้อดี คือ ยาเข้าทางราก และใบ ทำให้เพลี้ยที่ซ่อนอยู่ถูกกำจัดได้นั่นเอง
  2. ใช้ยาสัมผัส (Contact) สำหรับเพลี้ยที่เคลื่อนที่เร็ว ยาสัมผัสนั้นเหมาะกับเพลี้ยไฟและเพลี้ยจักจั่น เช่น สารควบคุมแมลงกลุ่มสไปโนซาด , ลัมบ์ดา-ไซฮาโลทรินและ ไพรีทรอยด์ต่างๆ

 

เทคนิคผสมยากำจัดเพลี้ยให้ได้ผลเร็วและคุ้มค่า

เพื่อเสริมคุณภาพการออกฤทธิ์และช่วยลดงบประมาณในการจัดการศัตรูพืช การผสมยากำจัดเพลี้ยอย่างถูกต้องจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่ควรใส่ใจ มีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้

  1. ใช้สารจับใบทุกครั้ง การใช้สารจับใบจะช่วยให้ยาเกาะใบดีขึ้น , ลดการไหลออกและใช้ยาได้น้อยลงแต่ได้ผลมากขึ้นด้วย
  2. ปรับค่า pH น้ำให้อยู่ในช่วงที่เหมาะสม การที่น้ำกระด้างจะทำให้ยาเสื่อม ซึ่งค่า pH ที่เหมาะสมที่สุดคือ 5.56.5
  3. ไม่ควรใช้ยาราคาสูงเกินความจำเป็น ยากำจัดเพลี้ยราคาสูงอาจได้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่ควร การเลือกใช้ยากำจัดเพลี้ยควรพิจารณาให้เหมาะสมกับชนิดของเพลี้ย และ ช่วงการระบาด เพื่อควบคุมศัตรูพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยากำจัดเพลี้ยราคาสูง
  4. หลีกเลี่ยงการผสมยาหลายชนิด ยากำจัดเพลี้ยบางชนิดอาจเกิดการออกฤทธิ์แย่ลงเมื่อใช้ร่วมกัน ทำให้ประสิทธิภาพในการกำจัดเพลี้ยลดลง และก่อให้เกิดความสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น

 

เทคนิคพ่นยากำจัดเพลี้ยให้ได้ผลเร็วที่สุด

การพ่นยากำจัดเพลี้ยอย่างถูกวิธีช่วยนั้นจะช่วยให้ประหยัดยาได้ถึง 2040% เลยทีเดียว

  1. เลือกเวลาพ่นที่ดีที่สุด
    ช่วงเวลาเหมาะสมในการพ่นยากำจัดเพลี้ย คือ 06.0009.00 น. หรือ 16.0018.00 น. ช่วงเวลาเช้าตรู่หรือช่วงเวลาเย็น เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการพ่นยา เนื่องจากอากาศเย็นช่วยลดการระเหยของยา ทำให้ยาออกฤทธิ์นานขึ้น อีกทั้งเป็นช่วงที่เพลี้ยออกหากินและปากใบพืชเปิด ทำให้ดูดซึมยาได้ดี และควรหลีกเลี่ยงการพ่นช่วงกลางวันแดดจัด เพราะความร้อนจะทำให้สารเคมีเสื่อมสภาพเร็วและลดประสิทธิภาพในการกำจัดเพลี้ย

  2. ควรพ่นยาให้เปียกและทั่วถึงทุกส่วนของพืช โดยเฉพาะด้านใต้ใบ
    เนื่องจากเพลี้ยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ใต้ใบ หากพ่นยาไม่โดนตัวเพลี้ยโดยตรงประสิทธิภาพของยาในการกำจัดจะลดลงอย่างมาก

  3. ปรับหัวฉีดให้เป็นละอองละเอียด
    ละอองเล็กๆ อาจทำให้ติดใบได้ดีกว่า และ ใช้ปริมาณน้ำน้อยกว่า

  4. หลีกเลี่ยงการพ่นซ้ำจุดเดิมๆ
    การพ่นที่เดิมอาจทำให้สิ้นเปลืองน้ำยาและเปียกท่วมโดยไม่จำเป็น

 

มั่นใจในทุกการเพาะปลูกด้วยแนวทางการจัดการต้นทุนและเคมีเกษตรคุณภาพ

จากที่กล่าวมาจะพบว่า การพ่นยากำจัดเพลี้ยอย่างถูกวิธีจะสามารถช่วยประหยัดต้นทุนได้มากที่จะทำให้เกษตรกรจำนวนมาก ลดค่าใช้จ่ายลงได้ 2060% เพียงแค่เลือกยาให้ถูกชนิด ผสมยาอย่างถูกต้องใช้เวลาเหมาะสม และพ่นอย่างมีเทคนิค บริษัท เคมแฟค จำกัด ผู้ผลิตและนำเข้าสินค้าเคมีเกษตรที่หลากหลาย อาทิ ยากำจัดเพลี้ย, ยากำจัดแมลง และยากำจัดวัชพืช ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 9001 และ ISO/IEC 17025 เป็นรายแรกของไทย

 

โรงงาน บริษัท เคมแฟค จำกัด
990 นิคมอุตสาหกรรมบางปู หมู่ 2
ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ 10280
โทร. 02-709-2597-8 แฟกซ์: 02-709-6784

สำนักงาน บริษัท เคมแฟค จำกัด
68 ซ.เฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 34
แขวงหนองบอน เขตประเวศ กทม. 10250
โทร. 02-7267498-99 แฟกซ์: 02-709-6784 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้